Subscribe:

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ระบบ HDTV


HDTV : High Definition Television

        HDTV ย่อมาจากคำว่า High Definition Television แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "โทรทัศน์ความคมชัดสูง หรือ โทรทัศน์รายละเอียดสูง" ซึ่ง HDTV เป็นรูปแบบของระบบดิจิตอล Digital ที่ดีกว่าโทรทัศน์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน (NTSC, SÉCAM, PAL) ซึ่งเป็นระบบ Analog ดังนั้น HDTV จึงเป็นโทรทัศน์มีคุณภาพทั้งภาพและเสียงสูงกว่าโทรทัศน์ทั่วไป มีระดับความคมชัดสูงสุด ระบบเสียงเป็นแบบรอบทิศทาง เหมือนกับการรับชมภาพจากจอภาพยนตร์ ที่ผู้ชมจะได้รับชมภาพที่สมจริงมากยิ่งขึ้น

Note :
  • NTSC (National Television System Committee) เป็นการเข้ารหัสข้อมูลแบบสัญญาณอิเล็กทรอนิกส ที่กําหนดให้แสดงภาพด้วยเส้นในแนวนอน 525 เส้นต่อเฟรมในอัตรา 30 เฟรมตอวินาที มีสี 16 ลานสี และอัตราการรีเฟรช 60 Halt-frame ต่อวินาที (interlaced) ขณะที่จอคอมพิวเตอรจะใช้วิธีการที่เรียกวา Progressive-Scan ใช้ในสหรัฐอเมริกา และญี่ปุน

  • PAL (Phase Alternate Line) เป็นการสร้างภาพจากเส้นแนวนอน 625 เส้นต่อเฟรม ด้วยอัตรา 25 เฟรมต่อวินาที และทําการแสดงภาพด้วยวิธี Interlacing แต่จะแสดงภาพในอัตรารีเฟรช 50Halt-frame ต่อวินาที ใช้ในแถบยุโรป อังกฤษ ออสเตรเลีย อัฟริกาใต และประเทศไทย

  • SECAM (Sequential Color and Memory) จะแพรสัญญาณแบบอนาลอก ส่วนการสร้างภาพเป็น 819 เส้น ด้วยอัตราการรีเฟลช 25 เฟรมตอวินาที ใชในประเทศฝรั่งเศส รัสเซีย ยุโรปตะวันออกและตะวันออกกลาง



  • สัญญาณที่ใช้กับ HDTV ต้องมีคุณสมบัติดังนี้

  • จำนวนเส้นในการแสดงผล


  • Progressive scan หรือ Interlace


  • จำนวน frame หรือ field ต่อวินาที



  • หลักทำงานของ HDTV

    แยกเป็น 2 ส่วน คือ กระบวนการเกิดภาพ และกระบวนการเกิดเสียง

    - กระบวนการเกิดภาพ : สัญญาณดิจิตอลที่ถูกส่งเข้าเครื่องรับโทรทัศน์จะผ่านกระบวนการบีบอัดข้อมูลสัญญาณดิจิตอล โดยใช้ MPEG-2 ซึ่งเป็น Compression software ถอดรหัสเป็น CARD แสดงผลสัญญาณภาพ และจะถูกส่งไปยังหลอดภาพที่ ทำหน้าที่ยิงลำแสงออกมาด้วยความถี่ที่เพิ่มมากขึ้นมายังจอโทรทัศน์ที่มีความกว้าง (อัตราส่วนของจอภาพ 16:9) ขึ้นจึงทำให้เกิดจุดภาพ [ PIXEL] บนจอโทรทัศน์มากขึ้น ภาพที่ได้จึงมีความละเอียด คมชัดต่อเนื่อง ไร้อาการกระพริบของสัญญาณภาพ โดยลักษณะการยิงลำแสง (หรือเรียกว่า การเขียนภาพบนจอโทรทัศน์) มี 2 รูปแบบคือ

            <# 1080i - 1920x1080 pixels interlaced
            <# 720p - 1280x720 pixels progressive

        - Interlaced : การยิงลำแสงไปยังจอภาพ โดยการ scan ลำแสงให้เป็นเส้น เริ่มจากด้านบน จากซ้ายมาขวา ลักษณะเป็นเส้นเว้นเส้น มาจนสุดจอด้านล่าง [เรียกว่า 1 field] ดังนั้นการที่จะเกิดภาพบนจอนั้นจะต้อง scan อีกครั้งหนึ่งให้เส้นภาพครบ เป็น 1 กรอบภาพ [ 2 fields = 1 frame ] การ scan รูปแบบนี้มีจำนวนเส้นถึง 1080 เส้นใน 1 จอภาพ

        - Progressive : การยิงลำแสงไปยังจอภาพ โดยการ scan ลำแสงให้เป็นเส้น จากด้านบนจอ จากซ้ายไปขวา จนสุดด้านล่างของจอ เพียงรอบเดียว ก็เกิดภาพบนจอโทรทัศน์ [ 1 field = 1 frame] การ scan รูปแบบนี้มีจำนวนเส้น 720 เส้นใน 1 จอภาพ สีที่เราเห็นบนจอภาพนั้น เกิดจากที่จอภาพ มีสารเรืองแสง ( PHOSPHOR SCREEN ) ฉาบอยู่ มี 3 สี คือ สีน้ำเงิน,สีเขียว และสีแดง ดังนั้นเมื่อลำแสงมาตกกระทบยังจุดที่ฉาบไว้ด้วยสารเรืองแสง ก็จะเกิดภาพเป็นสีต่างๆ ขึ้น

    เนื้อหาจาก วิชาการ.คอม (www.vcharkarn.com) ขอขอบคุณ

    0 ความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น